สไตล์การทำงานที่ใช่อาจแตกต่างกันไปตามความชอบของแต่ละคน แต่เชื่อหรือไม่? การเปิดเพลงคลอระหว่างนั่งทำงานในแต่ละวันถือเป็นการทำ Music Theraphy รูปแบบหนึ่งที่สามารถช่วยเพิ่มความผ่อนคลายระหว่างการทำงานในสภาวะต่าง ๆ ได้ที่ก่อให้เกิดระดับความกดดันและความเครียดที่แตกต่างกัน ซึ่งหากเลือกเพลงให้เหมาะสมกับการทำงานด้วยแล้ว อารมณ์ของเราก็จะยิ่งสมดุลมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้งานออกมามีคุณภาพมากขึ้นนั่นเอง
งานที่ต้องใช้สมาธิจดจ่อเป็นอย่างมาก
แม้แต่ละคนจะมีช่วงเวลา Productive ในแต่ละวันที่แตกต่างกัน แต่หากวันไหนมีงานสำคัญเข้ามาและต้องใช้สมาธิจดจ่อเป็นอย่างมาก ขอแนะนำให้ลองเปิดเพลงประกอบบรรยากาศ หรือ เพลงบรรเลงคลาสสิกดู
Ambient Music หรือ เพลงประกอบบรรยากาศจะมีจังหวะที่ช่วยกระตุ้นการรับรู้ของมนุษย์ ทำให้รู้สึกสงบและสบายใจ ส่งผลให้สามารถโฟกัสกับงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพลงประกอบบรรยากาศธรรมชาติอย่างฝนตก เสียงลมพัด ไปจนถึงเสียงดนตรี Acoustic ต่าง ๆ
หากใครฟัง Ambient Music แล้วรู้สึกง่วงจนทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพก็สามารถฟังเพลงบรรเลงคลาสสิกได้เช่นกัน โดยเพลงบรรเลงจากดนตรีคลาสสิกนี้จะสามารถช่วยลดความตื่นเต้น อีกทั้งยังมีคลื่นความถี่สูงที่ช่วยให้โฟกัสกับตัวงานได้มากกว่าปกติอีกด้วย
งานด่วนที่ต้องใช้พลังทำให้เสร็จ
สำหรับใครที่เน้นทำงานเอกสาร ต้องคีย์ข้อมูลสำคัญเป็นประจำ หรือ จำเป็นต้องใช้พลังงานมหาศาลในการจัดการปัญหา รวมถึงงานต่าง ๆ ในแต่ละวัน ผลการวิจัยจากผู้เชี่ยวชาญเสนอว่า การฟังเพลงป๊อป หรือ ร็อก ขณะทำงานสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่ต้องใช้พลังงานสูงได้
เพลงป๊อปฟังสบายมาพร้อมกับจังหวะความเร็วที่ช่วยทำให้ทำงานเอกสารได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งจังหวะและทำนองที่ไม่ช้าหรือเร็วเกินไปยังช่วยทำให้รู้สึกไม่เนือย หรือ ตื่นตัวมากเกินไปอีกด้วย
ในขณะที่เพลงร็อกจะมาพร้อมกับจังหวะที่ฮึกเหิม เบสหนักทำให้รู้สึกเลือดสูบฉีดและมีพลัง ดังนั้น จึงเหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องใช้พลังในการคิดและลงมือทำ ไปจนถึงงานที่ต้องใช้ทักษะในการแก้ปัญหาสูงนั่นเอง
จะเห็นได้ว่า เพลงส่งผลกับการทำงานมากกว่าที่คิด อีกทั้งยังช่วยเสริมประสิทธิภาพและคุณภาพของงานแต่ละประเภทได้แตกต่างกัน รู้แบบนี้แล้ว อย่าลืมลองเปิดเพลงที่ใช่ในเวลาและลักษณะงานที่เหมาะสมด้วยนะ
…